ขี่มอไซค์ Wave 125i ไปกาญจนบุรี

ขี่มอไซค์ กรุงเทพไปกาญจนบุรี Wave 125i

สวัสดีเพื่อนๆที่ได้แห่แหนกันมาเยี่ยมชม หรือหลงทางมาเจอบทความนี้นะ ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่ ได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวคนเดียว และได้ประสบการณ์ ความรู้สึก ต่างๆมากมาย ติดตามกันเลย....ไป

โดยเริ่มต้นคือผมมีความคิดเหมือนคนทั่วๆไปนะ ว่าอยากท่องเที่ยว อยากไปเชียงใหม่ อยากไปโน่นไปนี่ แต่ไม่ลงมือทำซักที ได้แต่เพ้อฝันว่าเราจะไป จนผมได้รู้ว่าไอ้คำว่า .."จะ".. นี่แหละที่หยุดเราเอาไว้ ผมเลยเริ่มคิดว่าจะไป("จะ"อีกละ) กาญจนบุรี เพราะ
1.เป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้ กรุงเทพฯ
2.ระยะทาง 140 กม. ผมคิดว่าจะขับมอไซค์คู่ใจไปเอง น่าจะไหว(Honda WAVE 125i)
3.ยังไม่เคยไปมาก่อนในชีวิต

เมื่อแผนการคร่าวๆได้ถูกคิดออกมาแล้ว ผมจึงต้องรีบลงมือเลย คือ การจองตั๋วที่พัก เพราะเมื่อเราจองแล้วเราจะรู้สึกเสียดายเงิน แล้วก็จะไปจนได้ อิอิ(คิดว่าได้ผลนะ) เมื่อจองเสร็จสรรพในวันพฤหัสฯ วันศุกร์ก็เตรียมหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางต่างๆที่จะขับขี่แมงกะไซ 125i และจัดของลงประเป๋าให้เรียบร้อย
ของในกระเป๋า (คร่าว)
1.ผ้าเชดตัว
2.ชุดนอน 1 ชุด
3.แปรง+ยาสีฟัน
4.กล้อง(เอาไปแล้วไม่ค่อยได้ถ่าย)
5.สายชาร์ตแบต
6.ถุงพลาสติก ไว้ไส่ผ้าเปียก หรือชุดใช้แล้ว


เช้ามืดวันเสาร์ 05.00 AM (วันเดินทาง)....

ผมตื่นขึ้นในเช้าวันเสาร์ เวลา 05.00 AM โดยที่ตื่นมาปลุกนาฬิกาปลุกขอตัวเองที่ตั้งปลุกไว้เมื่อคืนแล้วยังไม่ทันได้ปลุกผมเลย เนื่องจะเกิดอาการหล๋อนเมื่อเราต้องออกไปในที่ๆไม่คุ้นชิน และอนาคตข้างหน้าที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ความคิดตอนนั้นเป็นเหมือน กอลั่ม ในเดอะลอร์ดออฟเดอร์ริง .."ไม่ไปดีกว่าหวะ อยู่บ้านดีกว่า จะไปลำบากทำไม อันตราย เสี่ยง".. และอีกความคิดนึงก็ผุดขึ้นว่า .."ไปสิ กลัวไรวะสาส หนทางที่สดใสรอเราอยู่มั้ง?!".. ผมเลยไปก็ได้วะ GO GO!!


ขับรถทางไกล ครั้งแรก....
หลังการวิ่งผ่านน้ำในห้องน้ำที่แสนจะหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว และจัดการตัวเองเสร็จสรรพ เอาเป๋ไว้บนหลัง ออกรถเวลา 05.30 AM รถรุ่น WAVE 125i เริ่มขับตามเส้นทางที่ได้แพลนเอาไว้เลย วิ่งเพชรเกษมยาวไปๆ เจอรถน้อยมาก ขับสบายมากสำหรับมอไซค์ เจอเพื่อนร่วมทาง ประปราย ไม่ว่า มอไซต์ สิบล้อ สี่ล้อ หมา แมว สลับกันไป โดยรวมวิ่งสบาย จนถึงนครปฐม แวะไปที่พระปฐมเจดีย์ตอนฟ้าสาง พักกินน้ำ ไหว้พระ ยืดเส้นสายจากการเมื่อยล้า แล้วเดินทางต่อไปยังกาญจนบุรี
ขับมาถึงนครปฐมเส้นเพชรเกษมมองเห็นเจดีย์ที่มีแสงไฟส่องสีทองชัด มาแต่ไกล เลยเเวะมาชมหน่อย เจอชาวนครปฐมวิ่งออกกำลังกายกันแต่เช้าเลย แข็งแรงกันจิงๆ

ข้อแนะนำ

1. การขับรถจ่ายตลาดเดินทางไกลนี่ค่อนค่างเหนื่อยเลยที่เดียว ต้องโต้ลม ความเรว 80-90 km/h เล่นเอาคอเกือบเคล็ดเลย หัวสั่นแง๊กๆ!!
2. ขับรถเช้ามืดถึงช่วงสาย ควรมีผ้าพันคอด้วย เพื่อป้องกันลมหนาวที่โจมตีลูกกระเดือกอันบอบบางและผอมแห้ง ผมขับได้แปปเดียวก็รู้สึกว่าคอมันกลืนน้ำลายลำบาก เลยต้องหยุดคุ้ยเสื้อในกระเป๋ามาพันคอเลยขับต่อไปได้สบาย


ถึงแล้วว....

เมื่อถึงที่หมายแล้วก็คือ จังหวัดกาญจนบุรี ผมก็โล่งอกไปที เพราะกุขับมาถึงแล้ว ไม่โดนสิบล้อสอย ไม่หลงทาง เฮ้ออ! โล่งอก แล้วก็ดีใจนะที่ทำสำเร็จ จะว่าไปการเดินทางมันก็สามารถประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆได้นะ ก็คือตอนเดินทางเราเหนเลขหลักกิโลข้างทาง โห้ยย! อีกตั้ง 120 โล กว่าจะถึง (ปล.ความรู้สึกของคนที่ไม่เคยไปไหนไกลมาก่อน) แล้วเราขับได้แค่ 70 km/h โอ้ย..บ่นๆ แต่ด้วยหลักการของความเฉื่อย คือเราอย่าไปสนใจมัน มองดูข้างทางไป มีสมาธิกับการขับขี่ไป ไม่ประมาท แปปเดียวก็ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว
สุสานฝรั่ง เชลยศึกที่เสียชีวิตลง มีจำนวนไม่น้อยเลย

สุสานฝรั่ง





ทำตามสัญชาติญาณ...

เมื่อเดินทางมาถึงกาญจนบุรี ประมาณ 10.00 AM ค่อนข้างเช้า ผมเลยตระเวนไปเรื่อยๆ ไปดูสุสานฝรั่ง สะพานข้ามแม่น้ำแคว เดินดู Musiam แถวๆสะพานข้ามแม่น้ำแคว หาของกิน พอเวลา 12.00 น. ผมก็เริ่มเบื่อ คือในเมืองคนเยอะมากไม่ว่าที่ไหน ผมเลยคิดจะไปน้ำตกที่ใกล้ที่สุด ดูจากแผนที่คือ น้ำตกแควน้อย ห่างจากตัวเมือง 60 กม. ลองไปดูน่าจะกลับมาทันเพราะจองที่พักในเมือง ก็ขับไปเรื่อยๆ ด้วยกฎของความเฉื่อย เจอนักเดินทางชาวสองล้อมากมา หลากหลายกลุ่มมา บิ๊กไบ๊ค กลุ่มคลาสสิก เวสป้า รถป๊อก ผมตัวคนเดียวเหงามาก เลยขับตามกลุ่มคลาสสิกไป กลุ่มนั้นเค้ามากัน สองคัน ผมก็เนียนๆขับตามไป จนได้แวะปั้มเติมน้ำมันได้คุยกันตามประสาวัยรุ่น(รุ่นไหน!?) ถามไถ่เส้นทาง มาจากไหน จะไปไหน บลาๆ ได้มิตรภาพที่ดี บางครั้งการเดินทางคนเดียวก็ทำให้เรากล้าที่จะทักทายคนอื่นมากขึ้น เข้าหาคนอื่นก่อน เพราะด้วยสัญชาติญาณมนุษย์เป็นสัตว์สังคม คนที่มาเป็นกลุ่มเค้าไม่คุยกับเราหรอก เพราะพวกเขามีสังคมอยู่แล้ว แต่เรานี่ต้องไปหาคนคุย ไปทักเขาชวนคุย เพราะถ้าไม่คุยกับใครเลยจะทำให้เป็นบ้าได้ หรือสติแตกไปเลย 555

หมวกของทหารญี่ปุ่นสมัยนั้นรึป่าว


ลูกระเบิดโบราณ ตรอปิโด โทมาฮอก โคตดใหญ่ หนักสัสๆ มีรู มีเกลียวแบบปราณีต โคดไฮเทคมากสมัยโบราณ

โนวาแดช สงครามโลก 16 วาล์ว 4 สูบเรียงกันตามลำดับไหล่.. ระบายความร้อนด้วยพัด

โชคหน้าแมคเฟอสันสตัดจ์ หลังสปริงแหนบ พร้อมด้วยล้ออันลอย(อีกอันจม)!!

S1000Rไร.......รุ่นเดอะ มาพร้อมช่วงล่างแบบปีกนก พร้อมระบบแอร์คอนดิชั่นรอบทิศทาง

มอโตครอสคันทรี่ แรลลี่นะคับ สายออฟโร้ด โหดสาสเลย 

กัปตันโครตผีมือ ลงจอดบนหลังคาบ้านไปเลย!!


ถึงแล้วน้ำตกไทรโยคน้อย...

ถึงแล้ว ในที่สุดก็มาถึงน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ชิดติดถนนเลยทีเดียว และมีน้ำน้อยมากๆ (28Jan2017) ก็ผิดหวังเล็กๆ เพราะรูปในกูเกิ้ลแบบเว่อร์เกิ้น.. แต่เราก็พอเดาได้นะว่าน้ำมันจะน้อยเพราะสองข้างทางเป็นป่าไม้แบบแห้งๆ ไม่ชุ่มชื่น ก็พอเตรียมใจไว้นิดนึง สรุปคือไปนั่งพักแปปเดียวแล้วก็ขี่กลับ เพราะของจริงต้องเข้าไปในอุทยานฯที่ลึกกว่านี้ สูงกว่านี้ ระยะทางกว่า 200 กม. ถึงจะเจอน้ำตกไทรโยคใหญ่ คิดว่าน้ำจะมีน้ำเยอะ แต่ผมจองห้องพักไว้ในเมือง เลยคำนวนแล้วว่าไกลเกินไป เดียวกลับไม่ทัน ฉะนั้นจึงตัดสินใจกลับเข้าเมือง เพื่อมาติดต่อเชคอินที่พัก


ที่พักเป็น Hostel :บ้านธรรมดาที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักร่วมกับเจ้าบ้าน ในบ้านจะแบ่งเป็นห้องๆ ให้นักท่องเที่ยวนอนรวมกัน



ถึง HOSTEL...

ถึงแล้วที่พักเป็น Hostel แห่งนึงในกาญจนบุรี อยู่ในซอยอังกฤษ คงเดาได้ไม่ยากนะ ผมเลยขับรถเข้าไปจอดและสอบถาม เช็คอินที่พัก เจ้าของบ้านเลยพาเข้าไปดูเตียง เป็นเตียงรวม 2 ชั้น 4 เตียง ต่อ 1 ห้อง ห้องมีแอร์ มีล๊อกเกอร์ให้ ต้องเอาแม่กุญแจไปล๊อคเอง มีห้องน้ำ มีสบู่ แชมพูให้กด น้ำอุ่น และมีอาหารเช้า และที่นี่ก็ได้รับการรีวิวที่ดี ได้มาแล้วก็สมคำร่ำลือจิงๆ ที่พักดีมากครับ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

คิดในใจ
1.ตอนมาถึงที่เมื่อรู้ว่าต้องนอนที่นี่ก็แอบเหงาเหมือนกัน รู้สึกงอแงอยากกลับบ้าน แต่พอได้เจอพวกฝรั่งที่มันจากบ้านมาเที่ยวคนเดียว แบบมันมาไกลกว่าเราอีก มันบ้าสุดๆไปเลยนะพวกนี้เนี่ยะ ทำให้เราบ้าไปด้วยปลุกใจหึกเหิมไม่เหงางอแง
2.มันเป็นมารยาทหรือปล่าวใน Hostel เจอใครก็ต้องทักทายกัน Hi ทั้งวันทั้งคืน ก็น่ารักดีนะ แล้วก็ถามไถ่กัน ไปไหน เที่ยวไหน อยู่ที่นี่นานยัง มาจากไหน ไม่ว่าเจอใครผมก็ถามแบบนี้ จบด้วย Have a Nice Trip... เพราะพูดได้แค่ประโยคเท่านี้ ฮ่าๆๆ
นั่งเล่นกับแมวก่อนนอน แมวยังนอนหลับเลย แล้วเราจะรออะไร

นอนห้องรวมกับสาวฝรั่ง 3 คน...

 เมื่อเจ้าของบ้านบอกว่าผมได้นอนห้องเดียวกะพวกฝรั่ง สามคน แล้วเป็นผู้หญิงด้วย เขิลเลย ทำตัวไม่ถูกเลย ผมก็เข้าไปในห้องเจอฝรั่งสาว 2 คน ได้คุยกันแนะนำตัวกัน ถามไถ่ ผมก็มั่วๆไปครับ ภาษาอังกฤษ Snack Snack Fish Fish เลยสบายอยู่แล้ว ได้ความว่าเป็นสาวออซซี่ มาจาก แทนแซสมาเนียอ่ะไรนี้แหละ จำชื่อไม่ได้แล้วอ่ะ แล้วอีกคนนึงเป็นสาวเยอรมัน ชื่อแคททลิน่า คนนี้มาที่หลังเลยไม่ค่อยได้คุยเท่าไร สาวออซซี่แพคคู่ก็นั่งหาทริป จองตั๋ว จองที่พักต่อไปเหนว่าลงใต้ไปกระบี่ สุราษฎร์กันต่อ ผมก็นั่งไม่มีไรทำ สาวก็ไม่คุยด้วยเลยออกมานั่งเล่นกับแมว นั่งเล่นคอมที่โฮสเทลมีให้เล่น  พอถึงเวลา 3 ทุ่มผมจึงเข้านอน ยังไม่ทันได้หลับดี สายเยอรมันก็เข้ามา หลังจากนั้นพวกสาวฝรั่ง สามคนก็นั่งแลกเปลี่ยนความรู้กัน ที่ไหนเป็นไง ควรระวังอะไร เจอไรมาบ้าง ซึ่งเป็นที่ๆ นักท่องเที่ยวได้แนะนำกัน และเปลี่ยนประสบการณ์กันเลยหละ ได้ซักไม่ถึงห้านาทีผมก็หลับ....zZ

07.00 AM พ่อโทรมาปลุกเลยตื่นขึ้นทันทีเลย นอนเต็มอิ่มมาก ผมเลยดีดตัวออกจากเตียงชั้น 2 ไต่กระไดลงมาผ่านแคททีน่า สาวเยอรมันตะวันเเดง ซึ่งก็เพิ่งตื่น แล้วผมก็หิวกระเป๋าเป้ออกไปทั้งหมด เพราะไม่อยากคุ้ยของให้ส่งเสียงรำคาญ อีก 2 คน ที่ยังหลับอยู่ ผมไปแปรงฟันพร้อมกันกับสาวเยอรมัน ผมเหนนางเอายากันยุงมาทาแข้ง ขา หัว ไหล่ ตรูด ผมก็เลยถามนางไปว่า
ผม : what r u doing?
แม่นางเยอร : ยุงกัดฉ๋านทั้งคืนเลย แกไม่โดนบ้างหรอ
ผม : No.Did u sleep well lastnight?
แม่นางเยอร : Nah ฉ๋านนอนไม่ค่อยหลับ
ผม : why?
แม่นางเยอร :เพราะได้ยินเสียง
ผม : what is that sound from...from me? zzZZ zzZZ
แม่นางเยอร :ไม่ใช่เสียงจากแกร ...เสียงเพลงจากร้านข้างๆโน้นหนะ
(ผมก็โล่งอกไปที นึกว่ากรนดังจนคนอื่นนอนไม่หลับ 555)
(ปล. จำได้แค่ภาษาปะกิดที่ผมพูดออกไป ส่วนของคนอื่นพูดมาหาผม ผมจำไม่ได้เพราะมันแอดวานซ์มาก แต่พอจับใจความได้ว่าประมาณนั้นนะ)

ที่นอน 4 ที่ นอนหลับสบายมาก ที่นอน หมอน หอมดี ผมหลับก่อนเพื่อนเลย
ราคาห้องพัก HOSTEL : 350฿/คืน
ขากลับ
หลังจากรับประทานอาหารเช้า เป็นคัพเค็ก(อร่อย) แล้วก็มีชา กาแฟ อิ่มแล้ว ก็เช็คเอ้าท์ เวลา 7.45 AM. บอกลาคนทำกับข้าว และบอกลาแม่นางเยอร และเดินทางบิดมอไซค์กลับ กทม. ยิงยาว แวะปั้มน้อยมาก และแวะดูแผนที่น้อยมาก เพราะเราเริ่มรู้ทางแล้ว และเดินทางกลับถึงห้องอย่างปลอดภัย ด้วยเวลาเพียง 2 ชม. ...^^