สวัสดีเพื่อนๆ ทุกท่านที่ได้หลงเข้ามายังบล็อกแห่งนี้ วันนี้ผมได้ซื้อหูฟังตัวใหม่ คือเจ้า Redmi Bud 6 ในราคาหลักร้อย เนื่องจากว่า หูฟังตัวเก่าของผมใช้งานมา 3 ปีเต็ม ได้เสื่อมสมรรถภาพ (ตัวเก่าคือ Redmi Bud 3 Lite) ซึ่งก็เคยรีวิวไปแล้วเช่นกัน และในครั้งนี้มาดูกันครับว่า เจ้า Redmi Bud 6 มีดี มีด่า เหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่อย่างไร
1. มีขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาง่าย สบายตัว
2. มีระบบ Active Noise Cancelling (ANC) สามารถตัดเสียงรบกวนได้ดี เคลมไว้ 49db
3. มี 2 Driver อาจจะเป็นเสียงเบสและเสียงกลางแหลม
4. ตลับใช้งานได้ 42 ชม. หูฟังใช้งานได้ 10 ชม. ต่อชาร์จ
5. มีหลอดไฟเป็น Light Bar จำนวน 4 หลอด แสดงสถานะแบตเตอรี่
6. ชาร์จ USB Type C
7. มี App Xiaomi Earbuds ไว้รองรับการปรับจูน ตั้งค่าต่างๆ ซึ่งปรับแต่งได้เยอะมาก โดยจะกล่าวในบทถัดไป
8. รองรับการสัมผัสหูฟังเพื่องสังการต่างๆ ได้
9. สามารถเชื่อมต่อและใช้งานได้ 2 Devices พร้อมกัน โดยไม่ต้อง Disconnect ไป Pair อีกเครื่อง
การใช้งานร่วมกัน Application Xiaomi Earbuds
1. ภายใน Application Xiaomi Earbuds จะแสดงสถานะแบตเตอรี่ไว้ชัดเจน
2. สามารถ เปิด-ปิด ANC ระบบตัดเสียง และ เปิด-ปิด การเพิ่มเสียงแวดล้อม Environment และบูสเพิ่มเสียงพูดคุย Voice แวดล้อมได้
3. สามารถตั้งค่า Gestures , Audio effects การตั้งค่าอื่นๆ และค้นหาหูฟังได้
4.การตั้งค่า Gestures แตะซ้ายให้ทำอะไร แตะขวาให้ทำอะไร Double tap Triple tap Press and Hold เป็นต้น
5.การตั้งค่า Audio effects มี เปิด-ปิด เสียง Surrounds รอบทิศทาง กับ การปรับ Bass Boost Trible Boost Balance และ Customs เองได้
ข้อดี
1. เสียงดีฟังสบาย เบสนุ่มบวมๆ ไม่หนักหู ไม่อึดอัด ผมถือว่าผ่านครับ ส่วนเสียงย่านกลางแหลมก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา
2. ANC ตัดเสียงได้ดีมาก เพราะผมเพื่อจะเริ่มมาใช้งาน ANC ถือว่าเยี่ยมเลย สามารถปรับระดับ ANC ได้ 2 ระดับ Light และ Deep
3. ต่อโทรศัพท์พร้อมกับต่อแทบเล็ตพร้อมๆ กันได้ โดยไม่ต้องไป Disconnect แล้วต่อใหม่
4. รองรับการ Updated Firmware ในอนาคต และคงไม่อัพบ่อยหรอกครับ
5. สัมผัสที่หูฟังเพื่อเปิดปิดระบบต่างๆ และสังการได้
6. ผมเอามาใช้ในที่ทำงานเพื่อตัดเสียงรบกวนรอบข้างออก ใช้บ่อยมากๆ โดยที่ไม่ต้องเปิดเพลงอะไร เพราะต้องการสมาธิในการทำงาน ซึ่งมันติดใจมากครับ คือดีย์
ข้อเสีย
1. ไม่มีระบบ Low Latency สำหรับสายเกมส์มิ่ง
2. เวลาจะหยิบหูฟังออกจากตลับจะแงะยากไปนิดนึง อาจทำร่วงได้ (สำหรับคนไม่มีเล็บ)
3. ตัวหูฟังมันจะเกาะอยู่กับหูในแนวดิ่งเท่านั้น สะบัดหัวก็ไม่หลุด แต่ถ้าก้มหัวหรือมุดเก็บของใต้โต๊ะทีไร มันจะหลุดออกจากหูบ่อยครั้ง อันนี้ให้ไว้เป็นข้อมูล ซึ่งปกติก็ไม่มีใครมาห้อยหัวเล่นกันอยู่แล้ว
4. รองรับการชาร์จไฟเข้าตลับที่ 5V 500ma ซึ่งควรชาร์จกับ USB Computer หรือ Laptop เท่านั้น ห้ามเผลอชาร์จกับอเดปเตอร์ Smartphone นะครับ มันจ่ายไฟเยอะเกินไป อาจจะพังไวแน่นอน


0 Comments
แสดงความคิดเห็น